More

    รีวิว 5 จุดเด่น/จุดด้อย MG EP “รถแวนไฟฟ้าค่าตัวไม่ถึงล้าน..คันแรกในไทย” (มีคลิปวีดีโอ)

    หลังจากเปิดตัวพร้อมราคาและสร้างความฮือฮากันไปแล้วสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า 100% ตัวถัง Station Wagon ค่าตัวต่ำกว่าล้านอย่าง MG EP ซึ่งวันนี้เรามีโอกาสได้ไปลองขับแบบซอฟต์ๆและนำมารีวิวให้ได้ดูกันว่ามันจะ ok ไหม..กับรถไฟฟ้าที่ถูกที่สุดในไทยคันนึงตอนนี้

    5 จุดเด่นใน MG EP

    นี่คือรถไฟฟ้าที่ถูกที่สุดในตอนนี้ ค่าตัวแค่ 9.88 แสนบาท“..ซื้อ Mazda 3 หรือ Civic FK ตัวท็อป ยังแพงกว่าเลย!!

    MG EP เป็นรถครอบครัวแบบสเตชั่นวากอนคันแรกในไทยที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ในบ้านเรา ที่ราคาถูกจนน่าสนใจ ซึ่งทาง MG เองได้ตั้งราคาขายไว้ที่ 9.88 แสน บาทเท่านั้น ถูกกว่ารถยนต์นั่งไซส์เล็กบางคันเสียอีก แบบนี้จะไม่ให้คนสนใจได้ยังไง

    มีให้เห็นไม่มากสำหรับรถสเตชั่นวากอน ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน

    MG EP ดูสะดุดตาได้ไม่ยากด้วยตัวถัง Station wagon ที่ในบ้านเราไม่มีให้เห็นมากนัก ไฟหน้าแบบโปรเจ็คเตอร์กับกระจังดำเงาแบบปิดทึบสไตล์รถไฟฟ้าพร้อมช่องชาร์จตรงกลางโลโก้ ดูเข้ากันกับกันชนหน้าดีไซน์คล้าย SUV รุ่นใหญ่ HS บั้นท้ายดูลงตัวด้วยไฟแบบ LED และกันชนที่รับกันกับด้านหน้า

    ห้องโดยสารแบบนี้น่าจะถูกใจคนรักครอบครัว..ดีไซน์และปุ่มต่างๆบางส่วน ถูกยกมาจาก MG ZS EV”

    ห้องโดยสารตอบสนองไลฟ์สไตล์ในแบบครอบครัวได้มากกว่ารถ EV ทรงเก๋ง ด้านท้ายมีที่เก็บของกว้างขวาง และแอบดูทันสมัยด้วยคอนโซนพร้อมปุ่มควบคุมและสวิทซ์เข้าเกียร์แบบหมุน เหมือน MG ZS EV มีปุ่มเปลี่ยนโหมด ปุ่มเลือกชาร์จไฟกลับ ให้ 3 level และเบรกมือไฟฟ้ารวมถึงออโต้เบรกโฮล์มาให้เหมือนเดิม

    แรงสุด 163 แรงม้า แรงบิด 260 นิวตันเมตร ขับได้ 380 กม. ด้วยแบตฯ 50.3 kwh”

    MG EP ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% โดยใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ความจุ 50.3 kwh. ให้พละกำลังสูงสุด163 แรงม้า พร้อมแรงบิด 260 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับเกียร์ไฟฟ้า ชาร์จไฟครั้งเดียวขับได้ระยะทางไกลถึง 380 กม. จากที่ได้ลองขับระยะสั้น MG EP ตอบสนองช่วงออกตัวได้ดีสไตล์รถ EV กดคันเร่งมิดทีไรดึงหน้าหงายได้ทุกโหมดตั้งแต่ Eco, Normal โดยเฉพาะในโหมด Sport ที่คันเร่งจะเบากดปุ๊บหน้ายกทันที

    ออกตัวดีสไตล์รถ EV กดคันเร่งทีหลังต้องติดเบาะ!! วิ่ง 0-100 กม./ชม. เกือบ 8 วินาที

    ทำอัตราเร่ง 0-100  ได้เกือบๆ 8 วินาที ส่วน Top speed นั้นเคลมไว้ที่ 185 กม./ชม. แต่ช่วงที่ลองขับทำได้แค่ 167 เพราะระยะทดสอบไม่เอื้ออำนวยเท่าไหร่นัก แถมMg EP มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่และทนกว่า ZS EV ชัดเจน เพราะจากที่ลองอัตราเร่งแบบเหยียบเต็มที่แบตเตอรี่ไม่ลดฮวบเหมือนตอนขับ ZS EV

    แบตฯใหญ่และหมดช้ากว่า ZS EV แม้ขยี้คันเร่งเต็มที่ก็ไม่ลดฮวบ

    นี่แสดงให้เห็นว่า ถ้าวิ่งใช้งานจริงน่าจะวิ่งตามระยะทางที่เคลมไว้ได้โดยไม่ต้องเกร็ง เรื่องใช้ความเร็วแถมลองจอดทิ้งไว้เกือบชั่วโมงแบตลดไปแค่ 1 เปอร์เซ็นเท่านั้น จอดนอนเปิดแอร์ทั้งคืนได้สบาย แถมยังชาร์จเร็วจาก 0-80% ใช้เวลาแค่ 40 นาที และชาร์จผ่านชุด Home Charge ก็ไม่นานมากนักประมาณ 7 ชม.ก็เต็มแล้ว ที่สำคัญที่หัวชาร์จเป็น Type 2 หาชาร์จง่าย สุดท้ายคือชุดชาร์จที่แถมมาใน EP เค้ามีกระเป๋าใส่ให้แล้วนะคันนี้

    5 จุดด้อยใน MG EP

    ดูไป ดูมา หน้าตาคล้ายโฟล์ค พาสสาทตัวแวน

    รูปร่างหน้าตาของ MG EP บอกตรงๆว่ามันดูเรียบไปนิดและแอบเชยไปหน่อยโดยเฉพาะด้านหน้าที่ดีไซน์คล้ายโฟล์กพัสสาท รุ่นเก่า ด้านข้างดูเรียวยาวท้ายลาดสไตล์รถแวน ทำให้แม็กไซส์ 16 นิ้ว ลายเรียบๆไม่เน้นหวือหวาดูเล็กไปนิดบั้นท้ายดูทันสมัยขึ้นมาหน่อย เหมือนกับเอาท้ายของรุ่นพี่ HS มาบีบไฟล์ให้ย่อลงจนกลายเป็น EP คันนี้แบบไม่ต้องคิดมาก

    ไม่มี smart entry จะเข้าทีต้องกดรีโมท

    MG EP ไม่มีระบบ Smart Entry ยังต้องกดรีโมทเพื่อเปิดประตูเข้าสู่ห้องโดยสารซึ่งใช้วัสดุพื้นๆตั้งแต่แผงประตูไปจนถึงคอนโซลหน้าที่สมราคา บนดีไซน์คล้ายกับตัว ZS EV แต่ไม่ทั้งหมดเพราะถูกย้ายและลดออฟชั่นลงไปหลายส่วนเช่น ไม่มีซันรูฟ มาตรวัดก็ลดฟังชั่นเหลือแค่บอกความเร็ว

    ฟังชั่นต่างๆถูกตัดออก เพื่อทำราคาต่ำล้านให้ได้

    จอแสดงการทำงานไฟฟ้า และแสดงสถานะอื่นๆที่จำเป็นรวมถึงตัวบอกแรงดันลมยางยังมีให้เห็นอยู่ แต่ที่แปลกคือพวงมาลัยยังมีปุ่ม iSmart ทั้งๆที่คันนี้ไม่มีระบบสั่งการใดๆมาให้ เบาะนั่งแบบปรับมือก็นุ่มเกินเหมือนโซฟาคาราโอเกะ โดยเฉพาะแถวสองนั่งแล้วตัวจมถ้าต้องนั่งไกลน่าจะเมื่อย

    ช่วงล่างนิ่มเกินออกแนวย้วย..ทำให้ควบคุมยาก

    แม้อัตราเร่งดีแต่ไม่ควรขับเกิน 80 เพราะจุดบอดที่ชัดเจนอีกอย่างของ MG EP คือช่วงล่างหลังแบบทอร์ชั่นบีมที่เซ็ทมาได้ยวบย้วย นุ่มนิ่มจนเกิดอาการโยนมาก โดยเฉพาะจังหวะเข้าโค้ง โช็คมีการยุบตัวมากทำให้รู้สึกไม่มั่นคงออกแนวน่ากลัว ยิ่งขับเร็วยิ่งรู้สึกว่ารถจะลอยโดยเฉพาะการทดสอบที่ขับเพียงคนเดียว แม้จะมีระบบความปลอดภัยพื้นฐานแต่ดูเหมือนจะแก้ที่ปลายเหตุ ทางที่ดีควรปรับช่วงล่างใหม่ หรือไม่ก็ซื้อโช็คมาเปลี่ยนสักชุดน่าจะดีขึ้น

    ระบบความปลอดภัย ADAS ถูกตัดออกหมด..ไม่เหลือแม้ Blind Spot”

    ระบบช่วยขับขี่ต่างๆ ถูกตัดออกเกลี้ยงเมื่อเทียบกับรุ่นพี่ ZS EV ตั้งแต่ blind spot ไปจนถึงระบบล็อคความเร็วแบบแปรผัน รวมถึงพวกระบบช่วยเรื่องเลนต่างๆ ไม่มีให้เห็นใน EP มีเพียงระบบความปลอดภัยพื้นฐาน ABS , EBD และพวกระบบแทร็คชั่นคอนโทรลกับควบคุมการทรงตัว SCS เท่านั้นสำหรับ MG EP

    บทสรุป : MG EP

    ต้องยอมรับว่า MG EP ถูกจนต้องเหลียวมอง

    ต้องบอกเลยว่าราคาคือยุทธศาสตร์หลักที่ทำให้ MG EP ดูน่าสนใจที่สุดในกลุ่มรถไฟฟ้าในตอนนี้  ค่าตัว 1 ล้านมีทอนดึงดูดให้หลายคนอยากลองใช้รถไฟฟ้าขึ้นมาทันทีแบบไม่ต้องคิดมาก

    อัตราเร่งดีแต่ช่วงล่างไม่ซัพพอร์ต..แบตฯอึดและวิาฃได้ไกลกว่า ZS เสียดายออฟชั่นหายเกลี้ยง

    อัตราเร่งออกตัวแซบกว่ารถน้ำมันที่สำคัญไม่มีไอเสียมาทำลายบรรยากาศโลกแต่คุณต้องเป็นคนที่ขับรถไม่เร็วมากนักเพราะช่วงล่าง EP น่าจะรับไม่ไหว เอาไว้ขับในเมืองส่งลูก หรือออกต่างจังหวัดแบบไม่เร่งรีบน่าจะ ok วิ่งไกลเพราะแบตอึด แค่ไม่แนะนำให้วิ่งเร็วเท่านั้น แน่นอนถ้ามองระยะทางที่วิ่งได้ EP ชนะเมื่อเทียบกับรุ่นพี่ ZS EV แต่ต้องแลกกับออฟชั่นที่หายไปกว่า 80% โดยเฉพาะระบบความปลอดภัยและช่วงล่างที่ ZS ขับดีกว่าชัดเจน เทียบกับราคาที่ต่างกันแสนนิดๆ งานนี้ลองคิดดูให้ดีว่าคันไหนคุ้มและเหมาะกับการใช้งานของคุณมากกว่ากัน

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts