More

    [Review] 5 จุดเด่น/จุดด้อย Kawasaki Ninja ZX-25R โดยนักแข่งมืออาชีพ (ชมคลิป)

    กลับมาพบกับการรีวิวมอเตอร์ไซค์กันอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้เราได้นำบิ้กไบค์ 4 สูบ บล็อกเล็ก 250 ซีซี อย่างเจ้า Kawasaki Ninja ZX-25R มาลองขี่ทดสอบทั้งบนถนนและในสนาม ซึ่งจะมีจุดเด่น/จุดด้อยอะไรบ้าง..ไปชมกันเลย

     

    จุดเด่น

    – จุดเด่นแรกคือการออกแบบรูปร่างของตัวรถดูดีเหมือนรถซูปเปอร์ไบค์ย่อส่วน ถูกถ่ายทอด DNA มาจากรุ่นพี่อย่าง Kawasaki Ninaj ZX-6R โดยใช้โครงรถเป็นแบบ Trellis Frame ที่ออกแบบใหม่

    – มีน้ำหนักที่เบาทนต่อแรงบิดสูง ในส่วนของชุดแฟริ่งนั้นมาในสไตล์ตัวแข่ง Kawasaki Racing Factory เช่นเดียวกับรถของแชมป์โลกในรายการเวิลด์ซูเปอร์ไบค์

    – แผงหน้าปัดแสดงข้อมูลได้อย่างครบครัน ทั้งมาตรวัดความเร็วแบบอะนาล็อกขนาดใหญ่ เรือนไมค์ที่มีทั้งไฟชิฟไลท์ บอกอุณหภูมิจากช่องแรมแอร์ บอกอุณหภูมิหม้อน้ำ ตัวแสดงอัตราการสิ้นเปลืองที่บอกค่าต่างๆได้แบบครบ พร้อมไฟเตือนบอกตำแหน่งเกียร์

    – Kawasaki Ninja ZX-25R ยังเป็นรถขนาด 250 ซีซี รุ่นแรกที่ติดตั้งระบบ Traction Control และ Quick Shifter ทั้ง Up และ Down พร้อม Power Mode ให้เลือกแบบ Full และ Low

    – ZX-25R ยังมีอุปกรณ์ต่างๆที่ติดตั้งมาจากโรงงานแบบจัดเต็ม ตั้งแต่โช๊คหน้าแบบหัวกลับ, แผงคอบน และแฮนด์เดอล์บาร์แบบจับใต้แผงคอ

    – ช่องแรมแอร์, ปั๊มเบรคล่างด้านหน้าแบบแร็นเดียนเมาส์, มือครัทช์และมือเบรคแบบปรับได้, เพาเวอร์โหมด, คันเร่งไฟฟ้า, ควิกชิพท์ขึ้นและลง พร้อมไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED เรียกได้ว่าคุ้มเกินราคาเลยทีเดียว

    – ในด้านของอัตราเร่งจากเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง DOHC 16 Valve ความจุ 249.8 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ

    – พละกำลังสูงสุด 45 แรงม้า ที่ 15,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 21 นิวตันเมตรที่ 13,000 รอบ/นาที จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด ส่งกำลังผ่านเกียร์ 6 สปีด คลัทช์แบบเปียกเรียงซ้อนกัน พร้อม Assist & Slipper Clutch

    – จากที่ได้ลองขี่ ZX-25R ถือเป็นรถที่ค่อนข้างต้องใช้รอบสูง โดยสามารถปั่นรอบได้สูงสุดแถวๆ 18,000 รอบ/นาที สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยอาจจะบอกว่าหย่อนไปนิด แต่ถ้าเลี้ยงรอบให้อยู่ 6500-7000 จังหวะเปิด ทำให้ขับขี่ได้สนุกสนานพอตัว

    – แถมมาพร้อมกับเสียงคำรามอันเร้าใจ สร้างอรรถรสในการขับขี่ได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญคลัชท์นิ่มมากทำให้ขับง่าย พร้อมระบบชิพท์อัพ-ดาว ที่ทำงานได้สมูท นิ่มนวล ไม่มีอาการกระชาก และสามารถทำ Top speed ได้ถึง 187 กม./ชม เลยทีเดียว

    – ZX25-R มีน้ำหนักตัวที่หนักถึง 184 กิโลกรัมซึ่งหนักกว่าคู่แข่งในคลาสเดียวกันเพราะเครื่องเป็นแบบ 4 สูบ แต่เมื่อได้ลองขี่แล้วกลับรู้สึกว่าคล่องตัวมากแทบจะไม่รู้สึกว่าหนักเลย ขับขี่ง่าย

    – บาลานซ์รถดี ส่งผลให้การทรงดีตามไปด้วย ประกอบกับตำแหน่งการขับขี่ที่ออกแบบได้ลงตัวกับสรีระผู้ขับขี่ ตัวเบาะไม่สูงมากนัก องศาแฮนด์กว้างทำให้ควบคุมรถได้ง่าย จะขี่ในเมืองก็สบาย หรือจะโดดลงสนามก็ตอบโจทย์ได้อย่างลงตัว

    – ช่วงล่างและชุดกันสะเทือนแบบโช้คอัพหน้า Upside Down ของ Showa แบบ SFF-BP ซึ่งจะทำงานแยกอิสระ 2 ฝั่ง ฝั่งหนึ่งควบคุมการยุบตัว ส่วนอีกฝั่งจะควบคุมการคืนตัว และด้านหลังเป็นแบบ Mono Shock

    – ทำงานได้ค่อนข้างดี สามารถดูดซับแรงกระแทกได้ดี ไม่กระด้าง และยึดเกาะถนนได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ทำให้ขับขี่สนามได้สนุกและใช้ในชีวิตประจำวันก็ทำได้ดีเช่นกัน

    – ระบบเบรก ZX-25R มาพร้อมกับดิสก์เบรกหน้าจานเดี่ยว 330 มม. กับ คาลิปเปอร์โมโนบล็อคยึดแบบเรเดียลเมาท์ ด้านหลังดิสก์ 220 มม. คาลิปเปอร์ 1 พ็อต พร้อมระบบ ABS ให้น้ำหนักเบรกดีนุ่มนวลกดแล้วอยู่ตามน้ำหนักมือ เบรกได้อย่างมั่นใจ

    จุดด้อย
    – ในด้านของการออกแบบ ZX-25R ดูจะมีด้านหน้ารถที่สูงไปสักหน่อย ถ้าหมอบลงประมาณ ZX-6R น่าจะดีแลดูสปอร์ตมากยิ่งขึ้น

    – ชิวหน้าออกแบบให้มีความสูงน้อยไปนิด ถ้าสูงอีกหน่อยคิดว่าน่าจะหล่อและลงตัวกว่า อีกอย่างหนึ่งคือเรื่องน้ำหนักตัวที่ค่อนข้างหนัก เวลาบฃขับขี่เร็วมันบาลานซ์ดีก็จริงแต่เวลาเข็นนี่บอกได้เลยว่าหนักเอาเรื่อง

    – การปรับเปลี่ยนระบบต่างๆที่เกี่ยวกับการขับขี่ ใน ZX-25R ไม่ว่าจะเป็น เพาเวอร์โหมด, แทร็คชั่นคอนโทรน, ควิกชิพท์ ไม่สามารถปรับได้ขณะขับขี่ จะปรับได้ก็ต่อเมื่อหยุดรถ

    – ทำให้ไม่ค่อยสะดวกในการใช้งานจริง ซึ่งที่เป็นแบบนี้น่าจะเป็นเหตุผลในด้านความปลอดภัย

    – เครื่อง 4 สูบ ของ ZX-25R มีแรงบิดแค่ 21 นิวตันเมตร ที่ถือว่าค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ส่งผลให้การขับขี่ในเมืองช่วงตีนต้นขึ้นช้ากว่าคู่แข่ง

    – ที่ซีซีเท่ากัน ทำให้คนที่ไม่เคยขับรถที่ใช้รอบสูงอาจจะว่าอืดในช่วงรอบต้น จะเร่งแซงทีต้องเค้นรอบกันตลอดเวลาทำเอาเหนื่อยเลยทีเดียว

    – ที่สำคัญพอเครื่องยนต์ต้องใช้รอบสูงกว่าก็ส่งผลต่ออัตราสิ้นเปลืองที่มากกว่าเป็นเงาตามตัวโดยเฉพาะการขับขี่ในเมือง

    – ทำได้แค่ 18 กม./ลิตร กินพอๆกับรถเครื่องใหญ่พิกัด 500 ซีซี ถ้าวิ่งยาวๆ ดีขึ้นมาหน่อยอยู่ราว 20 กม./ลิตร ซึ่งก็ถือว่ากินกว่ารถในพิกัดเดียวกันอยู่ดี

    – สุดท้ายที่มักเป็นปัญหาในรถเครื่องยนต์ 4 สูบหลายๆรุ่น นั่นคือเรื่องอุณหภูมิของเครื่องยนต์ที่ค่อนข้างร้อน

    – ยิ่งเวลาขี่ในเมืองไปได้ซักพักก็จะรับรู้ได้ถึงความร้อนที่แผ่ซ่านมายังบริเวณข้อเท้าจนถึงน่องทำให้รู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเวลาขับขี่

    บทสรุป Kawasaki Ninja ZX-25R

    สำหรับผู้ที่ชอบรถรอบสูงกับเสียงเครื่องที่แพดคำรามแบบสะใจ Kawazaki Ninja ZX-25R นั่นใช่ที่คุณต้องการทันที แต่กลับกันถ้าคุณจะมาเค้นให้มันกระโจนทันทีในรอบต่ำคันนี้คงต้องขอเวลาคุณพักใหญ่ และไม่ถูกใจคนใจร้อนแน่นอน ส่วนอย่างอื่นรวมๆทั้งหน้าตา ออฟชั่น และราคาถือว่าสมเหตุสมผล จ่าย 2.69 แสนบาท ได้เท่านี้ถือว่าคุ้มแล้ว


     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts